การบอกว่าติดเชื้อเอดส์คงมีความหมายหลายอย่างมากเพราะ...
การ ที่รู้ว่าใครติดเชื้อเอชไอวีจะเป็นการตีความให้คุณค่าของคนๆ นั้น ในเรื่องพฤติกรรมว่าไปทำอะไรมา การติดเชื้อเอชไอวีในคนที่ยังเป็นโสด สังคมอาจจะตีความว่าแอบไปทำอะไรที่ไม่ดีมา มีเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร ถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งเป็นเรื่องที่เสียหายมาก และในกรณีของคนที่มีคู่อยู่แล้ว นั่นหมายถึงการนอกใจ การมีอะไรกับคนอื่น
เรื่อง เหล่านี้มีผลต่อความสัมพันธ์ต่อความรู้สึกที่มีต่อกัน เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คงต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกันให้มาก เพราะไม่ได้เพียงเรื่อง "โรค" แต่เป็นเรื่องทัศนคติต่อพฤติกรรมในเรื่องเพศด้วย
นอกจากนี้ยังมี เรื่องความเข้าใจเรื่องเอชไอวี/เอดส์อีก ซึ่งทุกคนในสังคมได้รับข้อมูลข่าวสารที่ผิดมาจนเกิดความกลัว กลัวการติดต่อ กลัวติดเชื้อเอชไอวีแล้วต้องตายอย่างน่าเกลียด น่ากลัว เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ซึ่งส่งผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างมาก ๆ
ดัง นั้น...การที่จะบอกผลเลือดให้ใครรู้จึงเป็นเรื่องที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ กังวลและต้องชั่งน้ำหนักในใจก่อนตกลงว่าจะบอกใครหรือไม่ เช่น
ถ้าบอก อาจจะทำให้คนในครอบครัวเป็นทุกข์ ไม่สบายใจไปด้วย แต่อีกแง่หนึ่งก็เท่ากับช่วยให้เขาเตรียมใจยอมรับความจริง ครั้งแรกที่บอกให้รู้เขาอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องเอชไอวี/เอดส์ดีพอ อาจทำให้รู้สึกแย่มากหรือถึงกับรังเกียจไม่ยอมรับ แต่ถ้าเราพร้อมที่จะค่อยๆชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเอดส์ให้เขาเข้าใจ ชัดเจน เขาน่าจะรู้สึกดีขึ้นและอาจช่วยเป็นกำลังใจให้เราต่อไปได้ด้วย เพราะอย่างน้อยก็เป็นคนในครอบครัว ที่มีความรักความผูกพันต่อกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว
ถ้าไม่บอก อาจจะดีตรงที่เขาไม่ต้องพลอยทุกข์ใจไปกับเรา โดยเฉพาะถ้าเขายังยอมรับเรื่องเอดส์ไม่ได้ แต่ตัวเราเองคงอึดอัด เพราะเอ่ยปากปรับทุกข์หรือปรึกษากับคนใกล้ชิดไม่ได้เลย ต้องคอยเก็บเป็นความลับตลอดเวลา ถ้าเกิดป่วยหนักขึ้นมากระทันหัน เขาก็ต้องทำใจอย่างปุปปับ ปรับความรู้สึกได้ยาก ในรายที่อยู่ในกระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ต้องกินยาตรงเวลาทุกวัน อาจจะกังวลกับการตอบคำถามว่ากินยาอะไร รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่อาจจะเกี่ยวข้องด้วย
โดย เฉพาะกรณีที่เป็นคู่สามีภรรยา ถ้าไม่บอกให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ว่า ตัวเองติดเชื้อก็คงต้องหาทางออกให้ดีว่า จะป้องกันไม่ให้เขารับเชื้อจากเราได้อย่างไร รวมจนถึงเรื่องวางแผนว่าจะมีหรือไม่มีลูกต่อไปด้วย ที่ต้องยอมรับกับตัวเองก็คือ คงไม่สามารถที่จะเก็บความลับนี้ตลอดไปได้ถ้าหากตอนนี้ยังไม่พร้อมจะบอก ก็ต้องเตรียมที่จะบอกให้เขารู้ในวันข้างหน้าเมื่อเราพร้อม
ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองพร้อมที่จะบอก ครอบครัวควรทำอย่างไรดี....
- ลองเลือกบอกคนที่เราสนิทหรือไว้ใจมากที่สุดสักคนสองคนก่อน
- ลอง คุยหยั่งความคิดความรู้สึกเขาดูก่อนว่า พอจะยอมรับเรื่องนี้ได้ไหม เช่นพูดถึงคนอื่นที่ติดเชื้อ ถ้าเห็นว่าเขายังไม่พร้อมก็ไม่ควรรีบบอก แต่ควรให้ข้อมูลเรื่องเอชไอวี/เอดส์แก่เขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มเข้าใจ ดี
- ตัวเราเองน่าจะเข้าใจและมีข้อมูลเรื่องเอชไอวี/เอดส์มากพอที่จะ อธิบายให้เขา เข้าใจชัดเจนขึ้นได้ ถ้าไม่มั่นใจอาจชวนเขาไปคุยกับเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาโดยตรงเลยก็ได้
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเหมือนกันมันรู้สึกอึดอันมากเวลาผมเครียดผมไม่รู้จะทำยังไงก็นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวโรคนี้อยู่กับผมมาร่วม5ปีแล้วอีกใจก็ยากบอกให้พ่อแม่รู้แต่ผมไม่มีความกล้าที่จะบอกกับเขาเวลาสมัครงานก็ลำบากเพราะเกือบทุกที่ๆต้องตรวจโรคนี้อยู่เสมอ
ตอบลบดิฉันก็รู้สึกอึดอัดใจมากเหมือนกันคะ..เพราะไม่สามารถบอกกับคนในครอบครัวได้ ...เวลากินยา...ก็ได้แต่บอกว่ากินให้ตรงเวลาจะได้ติดเป็นนิสัย ก็บอกแค่ว่าป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ต้องกินยาต่อเนื่อง โกหกคำโตตลอด เลย...คนแรกที่ดิฉันตัดสินใจบอกคือ...แฟนคะ เพราะรู้เป็นคนแรกว่าเป็นโรคนี้ และก็ติดจากเขาด้วย...แต่นอกนั้นไม่กล้าเลยคะ ..โดยเฉพาะคนในครอบครัว....เวลาไปสมัครงานราชการบางแห่ง ต้องเอาผลตรวจด้วย บางทีต้องสละสิทธิ์ ทำให้คนในครอบครัวเสียใจ แต่ก็บอกเหตุผลไม่ได้ว่าเราเป็นอะไร ได้แต่บอกว่าไม่อยากเป็น..ทั้งๆที่ก็อยากทำงานนี้มากเลยT^T jeejy
ตอบลบ