12 พฤศจิกายน 2554

Social Network กับผู้ติดเชื้อเอชไอวี

เข้ามาอัปเดทข้อมูลข่าวสาร หลังจากทำการย้ายบัญชีผู้ใช้จากอีเมล์เก่ามาอีเมล์ใหม่ หลังจากพบว่า เพราะ social network ทำให้เพื่อนคนหนึ่งรู้ว่าเราติดเชื้อเอชไอวีจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ ผลกระทบที่เกิดขึ้นสร้างความไม่สบายใจกับผมมาก เพราะผมต้องการบอกการติดเชื้อเอชไอวีกับคนที่ผมไว้ใจได้เท่านั้น

ต้องยอมรับความจริงว่า ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีในบ้านเรา (ประเทศไทย) ยังน้อย โดยเฉพาะคนรุ่นเก่าๆ

ภรรยาผมถูกละเมิดสิทธิจากนางพยาบาลในโรงพยาบาลที่รู้จักกัน ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของผมและภรรยา การกระทำดังกล่าวของนางพยาบาลคนนั้น หากมีการร้องเรียนว่า เธอได้นำเรื่องการป่วยของภรรยาผมไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น อาจทำให้เธอต้องออกจากงานเพราะถือว่า ทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่สิ่งที่ผมทำคือ เลือกให้อภัย

ผมไม่ใช่คนที่ดีหรือสมบูรณ์แบบอะไรมากนัก แต่ผมเลือกจะประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดี เลือกหนทางในการสร้างความสุขให้กับตัวเองและภรรยา มากกว่า จะไปเพิ่มเติมความทุกข์ความเดือดร้อนให้ตัวเอง

เมื่อเพื่อนคนหนึ่งที่ีผมพูดคุยด้วยผ่านทางโปรแกรมสนทนาออนไลน์ พูดแปลกๆ เหมือนรู้ว่าเกิดสิ่งที่ไม่ดีกับชีวิตผม ผมแปลกใจอยู่แล้ว จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ผมพบว่ามีการเข้าเยี่ยมชม blog แห่งนี้ ผ่านทาง facebook ทำให้ผมแน่ใจว่าเพื่อนของผมคนนี้ รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สร้างความไม่สบายใจและทำให้ผมไม่ต้องการอัปเดทข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ผ่านทาง blog แห่งนี้ เพราะไม่อยากให้มีข้อความปรากฏในแวดวงสังคมออนไลน์ของผม

ผลกระทบจากเครือข่ายสังคมออนไลน์อีกอย่างหนึ่งที่เห็นคือ บ้านฟ้า มีการโพสต์ข้อความต่างๆ น้อยลง เพื่อนๆ ผู้ติดเชื้อหลายคนเลือกเข้าไปพูดคุยกันในแวดวงของตัวเอง ในหมู่เพื่อนสนิท อาจเป็นเพราะมีหลายๆ เรื่องราวเกิดขึ้น สร้างความกระทบกระทั่งใจ เพราะเมื่อบ้านฟ้าใหญ่ขึ้น คนที่เข้ามาหลากหลายขึ้น ความคิดเห็น การกระทำได้เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ของผู้ก่อตั้ง และสมาชิกเก่าๆ ไป

จนวันนี้ผมบังเอิญเจอวิธีการที่จะทำให้ผมเข้ามาอัปเดทข้อมูลข่าวสารผ่าน blog แห่งนี้ใหม่ โดยการเปลี่ยนผู้ดูแลใหม่ ผมจึงสมัครอีเมล์ใหม่ และใช้บัญชีใหม่ในการเขียนเรื่องราว

ผมตั้งใจว่าอย่างน้อยๆ คงจะได้มีการอัปเดทข้อมูลข่าวสารต่างๆ เดือนละ 2 ครั้ง อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวบ้าง ข่าวสารต่างๆ ที่ผู้ติดเชื้อควรได้รับรู้เพื่อนำมาดูแลตัวเอง

เรื่องของผมครั้งนี้อาจจะไม่เป็นประโยชน์กับผู้เยี่ยมชมก็ขออภัยด้วย เพราะเหมือนเป็นการบ่นกับตัวเองมากกว่า แล้วพบกันใหม่ครับ

08 กรกฎาคม 2554

ยาต้านไวรัสเอชไอวี กับ ผลตรวจเลือดของผม

แล้วก็ถึงเวลาเฉลยสักทีว่า ยาต้านไวรัสเอชไอวีที่หมอให้ผมกิน เป็นยาสูตรพื้นฐาน สูตรไหน อย่างที่เพื่อน ๆ อาจจะรู้กันอยู่แล้วว่า ยาต้านสูตรพื้นฐานประกอบด้วยยาต้านไวรัสในกลุ่ม NRTI 2 ชนิด และ ยาต้านไวรัสในกลุ่ม NNRTI 1 ชนิด ยาต้านไวรัสในกลุ่ม NRTI 2 ชนิดที่หมอจัดให้ผมกินคือ AZT และ 3TC ส่วนยาต้านไวรัสในกลุ่ม NNRTI คือ EFV (ผมขอเรียกย่อ ๆ ว่า เอฟฟ่่า)

เหตุผลในการจัดยาต้านสูตรดังกล่าว เป็นเพราะผลตรวจเลือดของผม พบว่ามีอาการตับอักเสบ แม้จะไม่สูงมาก แต่หากให้กิน NVP หรือเนวิราปิน ที่เป็นยาต้านไวรัสอีกตัวนอกจาก EFV เสี่ยงต่อการเกิดตับอักเสบเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่ AZT เป็นยาที่ใช้ในการรักษาได้ผลดีและมีราคาไม่แพง มักจะถูกใช้แทนยา D4T ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขทะยอยปรับลดการใช้ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก

มาพูดถึงอาการข้างเคียงของยาต้านไวรัสทั้ง 3 ตัวที่ผมได้รับกันหน่อย เอาอย่างย่อ ๆ ที่ลอกมาจากหนังสือ ร่วมรู้ร่วมรักษา
  1. AZT ซีด (เกิดจากยาไปกดไขกระดูก ลดการผลิตเลือด - แทรกข้อมูลของผมลงไปเอง) เล็บดำ
  2. 3TC ตัวนี้ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงอะไร
  3. EFV ฝันแปลก ๆ ย้ำคิดย้ำทำ มึนงง
ยาตัวที่ 1 กับ ยาตัวที่ 2 คือ AZT กับ 3TC นั้น ผมได้กินสูตรผสมเป็นเม็ดเดียวกัน โดยมี AZT 300mg + 3TC 150mg ซึ่งเรียกว่า ยาซิลลาเวียร์ การที่ผมได้กินยา AZT ในปริมาณนี้เพราะน้ำหนักผมมากกว่า 60 กิโลกรัม (ความจริงนะ 80+ กิโลกรัม) ผมจะกิน 2 เวลา คือ 10.00 น. กับ 22.00 น. ยาตัวนี้จะไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัีนมาก

ยาตัวที่ 3 ตัวนี้ หากผมกินอาหารประเภททอด ผัด ไขมันสูง ในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากตัวนี้มาก จะปรากฏอาการมึน (หรือเรียกว่า เมายาดี) คำแนะนำคือ กินแล้วนอน จะไม่ค่อยพบปัญหาอะไรมาก ผมจึงเลือกกินเวลา 22.00 น.

ผลการตรวจเลือดส่วนใหญ่ของผมปกติ จะมีคลอเรสเตอรอลรวม สูงกว่าปกติเล็กน้อย ไตรกลีเซอไรด์ สูงกว่าปกติเล็กน้อย คลอเลสเตอรอลชนิดเลวหรือที่เรียกว่า LDL สูงกว่าปกติเล็กน้อย ในขณะที่คลอเรสเตอรอลชนิดดีที่เรียกว่า HDL ได้ 52 จากค่าที่ควรได้ไม่ต่ำกว่า 40

แต่เมื่อมาผสมกับผลการตรวจตับ ที่อักเสบตลอด จากที่ตรวจอีก 3 ครั้งถัดมา โดยที่ผมไม่ได้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ทำให้ผมสังหรณ์ใจว่า ผมอาจจะมีอาการไขมันพอกที่ตับ

ซึ่งอาการไขมันพอกที่ตับ อาจจะทำให้เกิดมะเร็งตับได้ภายใน 9 - 10 ปี

จากการค้นคว้าของผม มะเร็งตับรักษายาก แต่ป้องกันง่ายกว่า สิ่งสำคัญคือ ผมจำเป็นต้องลดความอ้วน จะช่วยลดคลอเรสเตอรอล และภาวะไขมันพอกที่ตับ ซึ่งผมยอมรับว่า ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมยังไม่ได้เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง แต่ก็เริ่มคุมอาหารที่กิน หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และไม่กินอาหารมื้อเย็นดึกจนเกินไป (ปกติผมจะกินข้าวมื้อเย็นช่วง 21.00 - 22.00 น.)

ผมดูเวลาขณะที่ผมเขียนอยู่นี้เกือบ 24.00 น. แล้ว ขอตัวนอนก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป

26 มิถุนายน 2554

รายการที่ต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการ (LAB) ก่อนรับยาต้านไวรัสเอชไอวี

ที่มา :  แนวทาง การตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2553


ไม่ได้อัปเดท blog มาหลายเดือน ทั้ง ๆ ที่ความจริง ผมกลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่ว่า ตัวเองติดเชื้อไวรัสเอชไอวีมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่เพราะอาการป่วย ตั้งแต่เริ่มรับยาต้านไวรัสเอชไอวี เกือบทุกวัน (ไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคียงของยาหรือเปล่า) ทำให้ผมค่อนข้างจะขี้เกียจเอามาก ๆ ไม่อยากจะทำอะไร

ขอเท้าความสักนิดหนึ่ง ผมพบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี มาตั้งแต่ปี 2552 แต่ยังไม่ได้เริ่มกินยาต้านไวรัสเหมือนเมีย เพราะค่าซีดี 4 ผมยังสูงอยู่ โดยส่วนตัวผมเอง อยากเริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวี ตั้งแต่รู้ว่า สหรัฐอเมริกามี Guide Line หรือ แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยให้เิริ่มกินยาต้านไวรัสตั้งแต่ตรวจพบว่าค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 500 ในตอนนั้นค่าซีดี 4 ผมอยู่ที่ 400+ ไม่ถึง 500 มันทำให้ผมเริ่มคิดถึงเรื่องการกินยาต้านไวรัส แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผมรักษาโดยใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ซึ่งเกณฑ์จะต้องรับยาต้านไวรัสที่ค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 200 หรือ ต่ำกว่า 250 แต่มีอาการสัมพันธ์กับโรคเอดส์ (หรือโรคติดเชื้อฉวยโอกาส)

ในปีเดียว (วันเอดส์โลก 2552) กับที่สหรัฐประกาศเริ่มการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 500 สาธารณสุขไทยประกาศรับองค์การอนามัยโลกที่จะเริ่มให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 350

เพราะความคิดดังกล่าว ประกอบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้อยู่กับเมีย ทำให้ผมใช้ชีิิวิตแบบไม่ค่อยใส่ใจตัวเองมากนัก (ตอนนี้เมียกลับมาแล้ว เราแค่แยกกันอยู่ชั่วคราว ไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญหาครอบครับที่ทำให้ต้องแยกกันอยู่) ทำให้ผมไม่ให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพตัวเองเท่าที่ควร บอกตรงๆ ไม่อยากให้ใครเลียนแบบนะครับ เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ

ผลการตรวจซีดี 4 ครั้งล่าสุดของผม ในปลายเดือนเมษายน 2554 ตกไปเหลือ 279 ซึ่งลดไปจากเดิม 100+ เมื่อทราบผลดังกล่าวทำให้ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับยาต้านไวรัสกินโดยเร็ว แต่ในช่วงเดือนเมษายน(ข่าวการประชุมวันที่ 18 เมษายน) ที่ผ่านมา ก็เจอข่าวคณะกรรมการบอร์ด สปสช. ไม่อนุมัติให้ผู้ป่วยทุกรายที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 350 ทุกราย ได้รับยาต้านไวรัส ทำให้ผมมีความกังวลว่า สิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า (การปล่อยปละละเลยสุขภาพเพื่อจะได้กินยาต้านไวรัสเร็ว ๆ ผมมีความเชื่อส่วนตัวอย่างหนึ่งว่า ยิ่งกินยาต้านไวรัสเมื่ออายุมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาจะน้อยกว่าเมื่อได้รับตอนอายุน้อย ๆ ผมอายุเริ่มมากขึ้น ไม่อยากยื้อเวลารับยาต้านไวรัสออกไปจนอายุมากกว่า 50 ปี)

เมื่อทราบผลการตรวจซีดี 4 พยาบาลดูแลผู้ติดเชื้อก็เขียนใบนัดให้ผมไปตรวจเลือดชุดใหญ่ก่อนรับยาต้านไวรัส รวมทั้งต้องเอกซเรย์ปอดเพื่อตรวจหาโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นก่อนรับยา

ในวันตรวจเลือดก่อนรับยาต้านไวรัส เมื่อผมยื่นใบนัด พี่พยาบาลเค้าตรวจรายการที่ต้องตรวจเลือด ผมเห็นว่าไม่มี รายการตรวจไวรัสตับอักเสบก็เลยบอกแก ว่าตกรายการตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี กับไวรัสตับอักเสบซีด้วย คิดว่าในรายการตรวจอาจจะคัดลอกมาจาก  แนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2553 เค้าเตรียมจะตรวจไวรัสโหลดให้ผมด้วย ผมต้องบอกพี่พยาบาล เพราะเห็นเพิ่งย้ายมาอยู่ที่แผนกแทนพี่พยาบาลคนเก่าว่า ค่าไวรัสโหลด ยังไม่ต้องตรวจ เพราะผมใช้สิทธิบัตรทอง จะตรวจก็ต่อเมื่อผมรักษาด้วยการกินยาต้านไวรัสไปแล้ว 6 เดือน ผมยังไม่มีสิทธิตรวจเพราะยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส

เริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวตอนหน้าค่อยมาต่อเรื่องผลการตรวจเลือด รวมทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ผมได้รับ ว่ามียาอะไรบ้าง

บล็อกของผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • การแพ้ยามีอาการอย่างไร - เรื่อง “การแพ้ยา” เป็นอีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะการแพ้ยาเป็นอันตราย อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา จึงได้รับความสนใจและเป็นคำถามประจำ ที่ผู้สั่งจ่ายยา...
    11 ปีที่ผ่านมา
  • slow slow...but sure? - ผลเลือดคราวนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของตัวเองเท่าไหร่ ขนาดเช้าวันที่ตรวจกระดกแบรนด์ไป 1 ขวดตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมโลก เขาบอกให้ลองดูสิตัวเลขจะออกมาสวยเชียวล...
    11 ปีที่ผ่านมา