27 สิงหาคม 2552

การรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ที่เหมาะสม

โรคติดเชื้อไวรัสเฮชไอวี Human Immunodeficiency Virus (HIV) และโรคเอดส์เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย โดยเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยและการตายของประชากรอายุ 20 ถึง 50 ปี ซึ่งเป็นประชากรที่อยู่ในวัยทำงานและเป็นกำลังสำคัญของประเทศ

ใน ปัจจุบันมีหลักฐานที่เป็นรูปธรรมจากการศึกษาวิจัยในหลายประเทศที่แสดงว่า การใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ที่เหมาะสมในการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV มีความปลอดภัยและมีประโยชน์ ที่สำคัญคือ

(1) การใช้ยาต้านไวรัสเอดส์จะยืดอายุขัยของผู้ป่วย
(2) สามารถลดอัตราตาย
(3) ลดอัตราป่วยจากการติดเชื้อฉวยโอกาส
(4) ลดการรักษาด้วยยาป้องกันการติดเชื้อฉวยโอกาส
(5) ลดโอกาสที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล
(6) เพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
(7) ทำให้ผู้ป่วยส่วนมากสามารถทำงานและดำรงชีวิตตามปรกติในสังคมไ

สรุปได้ว่าการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ที่เหมาะสมถือเป็นการรักษาที่คุ้มค่าในปัจจุบัน

รายงาน จากกลุ่มประเทศยุโรป อัตราอัตราเสียชีวิตจากโรคเอดส์ลดลงจาก 65.4 เหลือ 3.4 (หน่วยเป็นต่อ 100 person-years ของการติดตาม) (อ้างอิงถึง Palella FJ Jr, Delaney KM, Moorman AC, et al. Declining morbidity and mortality among patients with advanced human immunodeficiency virus infection. HIV Outpatient Study Investigators. N Engl J Med, 1998; 338: 853-860)

รายงาน การศึกษาจากประเทศบราซิลซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ แก่ผู้ติดเชื้อทุกรายตั้งแต่ พ.ศ. 2538 โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 150,000 รายได้รับการรักษานั้น พบว่าอัตราเสียชีวิตจากโรคเอดส์และอัตราการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ HIV และโรคที่เกี่ยวข้องลดลงอย่างชัดเจน (อ้างอิงถึง Mocroft A, Vella S, Benfield TL, et al. Changing patterns of mortality across Europe in patients infected with HIV-1. EuroSIDA Study Group. Lancet 1998; 352:1725-30)

ส่วนการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาพบว่าการรักษาผู้ป่วยติด เชื้อ HIV ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์ทำให้ค่ารักษาในโรงพยาบาลลดลงร้อยละ 60 (อ้างอิงถึง Santoro-Lopes G, de Pinho AM, Harrison LH, Schechter M. Reduced Risk of Tuberculosis among Brazilian Patients with Advanced Human Immunodeficiency Virus Infection Treated with Highly Active Antiretroviral Therapy. Clin Infect Dis. 2002; 34:543-6)

นอกจาก นี้ยาต้านไวรัสเอดส์ในปัจจุบันมีราคาลดลงมากเหลือประมาณวันละ 40-60 บาทต่อวัน และมีแนวโน้มว่าราคาของยายาต้านไวรัสเอดส์จะลดลงเรื่อย ๆ ทำให้การรักษาผู้ติดเชื้อ HIV ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์มีความคุ้มค่ามากขึ้น

ดัง นั้น การใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ที่เหมาะสมในการรักษาผู้ติดเชื้อ HIV จึงมีลักษณะคล้าย คลึงกับการรักษาโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่รักษาไม่หายขาด (เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น)

อย่างไรก็ตามแม้ว่ายา ต้านไวรัสเอดส์จะมีราคาถูกลงมาก และผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้สมควรได้รับยาต้านไวรัสเอดส์ แต่การใช้ยากลุ่มนี้อย่างไม่เหมาะสมจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากการรักษาที่ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตและก่อให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาได้ง่าย ซึ่งผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อที่ดื้อต่อยาจะต้องได้รับการรักษาด้วยยาที่แพง ขึ้นมากกว่า 10 เท่า และยาดังกล่าวมักมีผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นและรุนแรง

ที่มา :

คณะอนุกรรมการจัดทำแนวทางการใช้ยาต้านไวรัสเอดส์สำหรับรักษาผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อ HIV พ.ศ. 2546 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

1. นายแพทย์ประพันธ์ ภานุภาค (ประธานคณะอนุกรรมการ)
2. แพทย์หญิงพรรณพิศ สุวรรณกูล
3. นายแพทย์สุรพล สุวรรณกูล
4. นายแพทย์อัษฏา วิภากุ
5. แพทย์หญิงเพลินจันทร์ เชษฐโชติศักดิ์
6. นายแพทย์ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญ
7. นายแพทย์สมสิทธิ์ ตันศุภสวัสดิกุล
8. แพทย์หญิงนฤมล พงศ์ศรีเพียร
9. นายแพทย์วิษณุ ธรรมลิขิตกุล
10. นายแพทย์สถาพร ธิติวิเชียรเลิศ
11. นายแพทย์เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม

4 ความคิดเห็น:

  1. อยากทราบว่าคนที่พึ่งรู้ตัวว่าติดเชื้อ แต่ไปตรวจวัด CD4 แล้วต่ำกว่า200 และก่อนหน้านั้นเคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันจะมีโอกาศรับเชื้อดื้อยาได้ไหมครับ และถ้ารับได้บุคคลคนๆนั้นยังไม่เคยรับยาต้านเลย และถ้าเริ่มยาแล้วยาจะสามารถช่วยได้ไหมครับ

    ตอบลบ
  2. ถ้าคนที่ติดเชื้อHIVและรับยาแล้ว สงสัยว่า สมุนไพรชนิดใดบ้างที่ไม่ควรรับประทาน เพราะจะไปเสริมความรุนแรงของยา ช่วยตอบด้วยครับ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ9 มกราคม 2555 เวลา 11:44

    คนที่เป็นโรคร้ายเหล่านี้เอย หลายคนคิดว่าตนมีกรรมมาจากชาติปางก่อนจึงทำให้เป็นโรคร้ายนี้ ดิฉันอ่านกระทู้แล้วดูเหมือนหลายคนทุกข์ และร้องไห้ อย่าซ้ำเติมตัวเองแบบนั้น มองดูตัวเองให้ดี ชาติปัจจุบันนี้เรามีสันดานแบบไหน หลายคนรักสัตวื และมีเมตตา รักบิดามารดา และกตัญญูธิตาคุณ กลับพบโรคร้าย ดิฉันเชื่อว่าคนเราในชาติปัจจุบันจะดีหรือชัวนั้น ย่อมสืบสันดานจากกรรมอดีต ถ้าชาตินี้คุณดีนั่นหมายถึง สืบมาจากชาติที่แล้วคุณก็ต้องเป็นคนดี พิจารณาให้ดี หลังจากเป็นโรคนี้คุณได้อะไรบ้าง คุณกลายเป็นคนดีกว่าเดิมอีกหรือเปล่า ดิฉันเชื่อว่าหลายคนที่ได้รับโรคนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมมองโลกที่ดีกว่าเดิม หลายคนเดินทางเข้าวัด และประกอบกรรมดีกว่าเดิม เชื่อดิฉันสิบางทีคุณอาจจะตกลงกับพระพุทธเจ้าไว้ว่าขอเป็นโรคร้ายนี้ในชาติเพิ่อทดสอบ ตบะบารมีก็ได้ ต้องคิดให้ได้คนที่ชาตินี้ชั่วแล้วได้ดีไม่มีจริงหรอก อย่าไปเชื่อว่าชาติทีแล้วเขาอาจทำบุญมาดี มันไม่จริง คนสันดานดีชาตินี้ต้องสืบสันดานดีจากชาติที่แล้ว รอเวลาและอดทนในสิ่งที่คุณสัญญากับพระพุทธเจ้าไว้เท่านั้น อย่าท้อแท้นะคะ ดิฉันเขียนจากความจริงจากการเจริญภาวนา ไม่ได้คิดมาตลกเอาในผู้ที่ได้รับโรคร้าย โรคนี้ไม่ใช่โรคร้าย มันเป็นโรคของคำสัญญาว่าคุณจะผ่านสิ่งเหล่านี้ด้วยตะบะเท่านั้นเอง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ9 มกราคม 2555 เวลา 11:56

    บุคคลที่ชอบเข้าเยาะเย้ยถากถางผู้เป็นโรคร้ายเหล่านี้ ต้องพิจารณาตัวเองให้ดี พิจารณาตัวเองให้ได้ ดิฉันเข้ามาอ่าน และรู้สึกเห็นใจ แต่บุคคลบางกลุ่มที่เข้ามาถากถางนั้นเหตุผลเดียวคือบุคคลเหล่านั้นมีความทุกข์กว่าอาจเป็นคนที่เกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์ เรียนหนังสือน้อย หรือมารดามีชู้ และบางคนอาจมีปัญหาทางเพศ การแวะเข้าเยี่ยมชมของบุคคลเหล่านี้ เข้ามาเพราะคิดว่าหาคนร่วมทุกข์โดยคิดว่าอาจเจอคนที่ทุกขืกว่า ดังนั้นถ้าตอนนี้ต้องเจอกับบุคคลเหล่านี้ขอให้มีเมตตาเท่านั้น อย่าไปทุกข์ใจตามเลย เราทุกข์กายแต่เราไม่ร้อน เราอยู่ในสวรรค์ เขาไม่ได้ทุกข์กายแต่ร้อนใจด้วยวาศนาอาภัพของตัวเองเขาอยู่ในนรก ต้องสงสารช่วยเหลือเขาให้มากๆ จงสวดอวยพรให้บุคคลมีปมด้อยจากความอัปลักษณ์เหล่านั้น

    ตอบลบ

บล็อกของผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • การแพ้ยามีอาการอย่างไร - เรื่อง “การแพ้ยา” เป็นอีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะการแพ้ยาเป็นอันตราย อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา จึงได้รับความสนใจและเป็นคำถามประจำ ที่ผู้สั่งจ่ายยา...
    11 ปีที่ผ่านมา
  • slow slow...but sure? - ผลเลือดคราวนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของตัวเองเท่าไหร่ ขนาดเช้าวันที่ตรวจกระดกแบรนด์ไป 1 ขวดตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมโลก เขาบอกให้ลองดูสิตัวเลขจะออกมาสวยเชียวล...
    11 ปีที่ผ่านมา