19 ตุลาคม 2552

การตรวจหาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือเอดส์

ก่อนจะเข้าเรื่อง ขอเล่าข่าวที่น่าสนใจ 2 เรื่อง สำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างเรา

เรื่องแรก เกี่ยวกับวัคซีนเอดส์ที่ไทยกับสหรัฐร่วมกันทดลอง ตอนนี้ในต่างประเทศถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความหวังในการคิดค้นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งประเทศต่าง ๆ อาจจะมีการการคิดค้นวัคซีนโดยต่อยอดจากการทดลองครั้งนี้

เรื่องที่สอง พบว่า ในหัวฝักบัว มีเชื้อโรคอยู่มาก การอาบน้ำด้วยฝักบัว อาจทำให้เกิดการฟุ้งกระจายของเชื้อโรคในอากาศ เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคที่ปอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ทีมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่มีค่าซีดีโฟร์ต่ำ ๆ ควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยฝักบัว จริง ๆ แล้ว รู้สึกว่าเขาจะแนะนำให้เปลี่ยนหัวฝักบัวเป็นหัวฝักบัวโลหะแทนพลาสติก รายละเอียดติดตามได้ใน "หัวฝักบัว" แหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรีย

จากการเข้าเป็นสมาชิกบ้านฟ้า คำถามประเภทหนึ่งที่พบมากคือ ปัญหาของผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงแต่เข้าใจว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ..ผมจะเป็นเอดส์มั้ย คนถาม ถามเพราะเครียด วิตกกังวล สับสน ฯลฯ ตรงนี้ผมเข้าใจ แต่บางครั้ง คำถามฟังดูแล้วเกิดจากการวิตกกังวลเกินเหตุ ไม่มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการติดเชื้อเอชไอวี ก็ทำให้พวกเราที่ติดเชื้อเอชไอวีซึ่งปกติต้องการความเข้าใจ การยอมรับ จากคนทั่วไปในสังคม จะเกิดความรู้สึกหงุดหงิด เพราะคำถามแสดงถึงความไม่เข้าใจ.. ว่าการติดเชื้อเอชไอวี ถ้าไม่มีพฤติกรรมที่เสี่ยง มีปัจจัยต่าง ๆ ในการติดเชื้อเอชไอวีครบ ก็ไม่ใช่ว่าติดกันได้ง่าย ๆ จากการใช้ชีวิตทั่วไปในชีวิตประจำวันร่วมกัน และจากข้อมูลที่ผมเคยอ่านมา ยังไม่เคยเจอกรณีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อเอชไอวี จากการรักษาผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อเอชไอวีเลย แม้แต่คนเดียว เหมือนกับที่เพื่อน ๆ แนะนำ เราไม่สามารถรู้ว่า คนไหนติดเชื้อเอชไอวี ได้ด้วยการมองเห็น เราจะรู้ว่า คนไหนติดเชื้อเอชไอวี ได้จากผลเลือดเท่านั้น เราอาจจะรู้ว่า คนนั้นมีอาการของผู้ป่วยเอดส์ หากผู้ติดเชื้อไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ และไม่เข้าสู่กระบวนการรักษา แต่ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย โดยเฉลี่ย จะแสดงอาการป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนหรือโรคติดเชื้อฉวยโอกาส หลังจากติดเชื้อเอชไอวีโดยเฉลีย 7 - 10 ปี แต่ก่อนหน้านั้นล่ะ.. เฮ้อ ไม่อยากคิด ในปัจจุบัน วิทยาการการแพทย์ก้าวหน้าจนสามารถตรวจพบการติดเชื้อเอชไอวีได้ไวขึ้น
ในปัจจุบันคลีนิคนิรนามจะตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีให้ผู้มาใช้บริการทุกคน โดยใช้ 2 วิธีร่วมกัน คือ แอนติ-เอชไอวี (anti-HIV) และ แน็ท (NAT)
ในปัจจุบันคลีนิคนิรนามจะตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีให้ผู้มาใช้บริการทุกคน โดยใช้ 2 วิธีร่วมกัน
  • วิธีที่1 คือการตรวจ แอนติ-เอชไอวี (anti-HIV) ซึ่งเป็นการตรวจหาภูมิต่อเชื้อเอชไอวีซึ่งจะตรวจพบได้หลังการติดเชื้อ 14-21 วัน วิธีนี้จะรู้ผลภายในวันเดียวกันโดยใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงในการรอผล
  • วิธีที่ 2 คือการตรวจ แน็ท (NAT) ซึ่งเป็นการตรวจหาสายพันธุกรรมของเชื้อเอชไอวี จึงมีความไวกว่าการตรวจแอนติ-เอชไอวี และสามารถใช้ตรวจหาการติดเชื้อที่เพิ่งรับมาประมาณ 5 วันขึ้นไปได้ วิธีนี้จะรู้ผลภายใน 3 วัน ทำให้ยืนยันได้ว่าผลเลือดลบจากวิธีที่ 1 เป็นลบจริงหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าคุณเพิ่งเสี่ยงมา
ประโยชน์ของการรู้ว่าตัวคุณเองเพิ่งมีการติดเชื้อเอชไอวี คือ คุณอาจได้รับยาต้านไวรัสโดยเร็ว เพื่อพยายามลดการแพร่กระจายของเชื้อไปทั่วร่างกาย และป้องกันการทำลายเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่าง รุนแรงในช่วงแรกนี้ได้ นอกจากนี้ จะยังทำให้ลดโอกาสที่คุณอาจจะส่งผ่านเชื้อเอชไอวีต่อไปแก่คนที่คุณรักโดยไม่ ได้ตั้งใจได้อีกด้วย
ขอบคุณ แพทย์หญิงนิตยา ภานุภาค พึ่งพาพงศ์ จากศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ที่มา : NAT-แน็ท การตรวจเลือดวิธีใหม่ เพื่อหาการติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่เครียด วิตกกังวล สงสัย ผลการตรวจเลือดเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่า คุณเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือเปล่า..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บล็อกของผู้ติดเชื้อเอชไอวี

  • การแพ้ยามีอาการอย่างไร - เรื่อง “การแพ้ยา” เป็นอีกคำถามหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะการแพ้ยาเป็นอันตราย อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา จึงได้รับความสนใจและเป็นคำถามประจำ ที่ผู้สั่งจ่ายยา...
    11 ปีที่ผ่านมา
  • slow slow...but sure? - ผลเลือดคราวนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจของตัวเองเท่าไหร่ ขนาดเช้าวันที่ตรวจกระดกแบรนด์ไป 1 ขวดตามคำแนะนำของเพื่อนร่วมโลก เขาบอกให้ลองดูสิตัวเลขจะออกมาสวยเชียวล...
    11 ปีที่ผ่านมา