ที่มา : แนวทาง การตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2553 |
ไม่ได้อัปเดท blog มาหลายเดือน ทั้ง ๆ ที่ความจริง ผมกลับมาสู่โลกความเป็นจริงที่ว่า ตัวเองติดเชื้อไวรัสเอชไอวีมาเกือบ 2 เดือนแล้ว แต่เพราะอาการป่วย ตั้งแต่เริ่มรับยาต้านไวรัสเอชไอวี เกือบทุกวัน (ไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคียงของยาหรือเปล่า) ทำให้ผมค่อนข้างจะขี้เกียจเอามาก ๆ ไม่อยากจะทำอะไร
ขอเท้าความสักนิดหนึ่ง ผมพบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี มาตั้งแต่ปี 2552 แต่ยังไม่ได้เริ่มกินยาต้านไวรัสเหมือนเมีย เพราะค่าซีดี 4 ผมยังสูงอยู่ โดยส่วนตัวผมเอง อยากเริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวี ตั้งแต่รู้ว่า สหรัฐอเมริกามี Guide Line หรือ แนวทางการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี โดยให้เิริ่มกินยาต้านไวรัสตั้งแต่ตรวจพบว่าค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 500 ในตอนนั้นค่าซีดี 4 ผมอยู่ที่ 400+ ไม่ถึง 500 มันทำให้ผมเริ่มคิดถึงเรื่องการกินยาต้านไวรัส แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะผมรักษาโดยใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง ซึ่งเกณฑ์จะต้องรับยาต้านไวรัสที่ค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 200 หรือ ต่ำกว่า 250 แต่มีอาการสัมพันธ์กับโรคเอดส์ (หรือโรคติดเชื้อฉวยโอกาส)
ในปีเดียว (วันเอดส์โลก 2552) กับที่สหรัฐประกาศเริ่มการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 500 สาธารณสุขไทยประกาศรับองค์การอนามัยโลกที่จะเริ่มให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 350
เพราะความคิดดังกล่าว ประกอบกับช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมต้องอยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้อยู่กับเมีย ทำให้ผมใช้ชีิิวิตแบบไม่ค่อยใส่ใจตัวเองมากนัก (ตอนนี้เมียกลับมาแล้ว เราแค่แยกกันอยู่ชั่วคราว ไม่ได้ทะเลาะหรือมีปัญหาครอบครับที่ทำให้ต้องแยกกันอยู่) ทำให้ผมไม่ให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพตัวเองเท่าที่ควร บอกตรงๆ ไม่อยากให้ใครเลียนแบบนะครับ เล่าสู่กันฟังเฉย ๆ
ผลการตรวจซีดี 4 ครั้งล่าสุดของผม ในปลายเดือนเมษายน 2554 ตกไปเหลือ 279 ซึ่งลดไปจากเดิม 100+ เมื่อทราบผลดังกล่าวทำให้ผมหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับยาต้านไวรัสกินโดยเร็ว แต่ในช่วงเดือนเมษายน(ข่าวการประชุมวันที่ 18 เมษายน) ที่ผ่านมา ก็เจอข่าวคณะกรรมการบอร์ด สปสช. ไม่อนุมัติให้ผู้ป่วยทุกรายที่มีค่าซีดี 4 ต่ำกว่า 350 ทุกราย ได้รับยาต้านไวรัส ทำให้ผมมีความกังวลว่า สิ่งที่ทำไปจะสูญเปล่า (การปล่อยปละละเลยสุขภาพเพื่อจะได้กินยาต้านไวรัสเร็ว ๆ ผมมีความเชื่อส่วนตัวอย่างหนึ่งว่า ยิ่งกินยาต้านไวรัสเมื่ออายุมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาจะน้อยกว่าเมื่อได้รับตอนอายุน้อย ๆ ผมอายุเริ่มมากขึ้น ไม่อยากยื้อเวลารับยาต้านไวรัสออกไปจนอายุมากกว่า 50 ปี)
เมื่อทราบผลการตรวจซีดี 4 พยาบาลดูแลผู้ติดเชื้อก็เขียนใบนัดให้ผมไปตรวจเลือดชุดใหญ่ก่อนรับยาต้านไวรัส รวมทั้งต้องเอกซเรย์ปอดเพื่อตรวจหาโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นก่อนรับยา
ในวันตรวจเลือดก่อนรับยาต้านไวรัส เมื่อผมยื่นใบนัด พี่พยาบาลเค้าตรวจรายการที่ต้องตรวจเลือด ผมเห็นว่าไม่มี รายการตรวจไวรัสตับอักเสบก็เลยบอกแก ว่าตกรายการตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี กับไวรัสตับอักเสบซีด้วย คิดว่าในรายการตรวจอาจจะคัดลอกมาจาก แนวทางการตรวจวินิจฉัยและการดูแลรักษา ผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ระดับชาติ ปี พ.ศ. 2553 เค้าเตรียมจะตรวจไวรัสโหลดให้ผมด้วย ผมต้องบอกพี่พยาบาล เพราะเห็นเพิ่งย้ายมาอยู่ที่แผนกแทนพี่พยาบาลคนเก่าว่า ค่าไวรัสโหลด ยังไม่ต้องตรวจ เพราะผมใช้สิทธิบัตรทอง จะตรวจก็ต่อเมื่อผมรักษาด้วยการกินยาต้านไวรัสไปแล้ว 6 เดือน ผมยังไม่มีสิทธิตรวจเพราะยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส
เริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวตอนหน้าค่อยมาต่อเรื่องผลการตรวจเลือด รวมทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวีที่ผมได้รับ ว่ามียาอะไรบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น