เหตุผลในการจัดยาต้านสูตรดังกล่าว เป็นเพราะผลตรวจเลือดของผม พบว่ามีอาการตับอักเสบ แม้จะไม่สูงมาก แต่หากให้กิน NVP หรือเนวิราปิน ที่เป็นยาต้านไวรัสอีกตัวนอกจาก EFV เสี่ยงต่อการเกิดตับอักเสบเพิ่มขึ้นได้ ในขณะที่ AZT เป็นยาที่ใช้ในการรักษาได้ผลดีและมีราคาไม่แพง มักจะถูกใช้แทนยา D4T ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขทะยอยปรับลดการใช้ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
มาพูดถึงอาการข้างเคียงของยาต้านไวรัสทั้ง 3 ตัวที่ผมได้รับกันหน่อย เอาอย่างย่อ ๆ ที่ลอกมาจากหนังสือ ร่วมรู้ร่วมรักษา
- AZT ซีด (เกิดจากยาไปกดไขกระดูก ลดการผลิตเลือด - แทรกข้อมูลของผมลงไปเอง) เล็บดำ
- 3TC ตัวนี้ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงอะไร
- EFV ฝันแปลก ๆ ย้ำคิดย้ำทำ มึนงง
ยาตัวที่ 3 ตัวนี้ หากผมกินอาหารประเภททอด ผัด ไขมันสูง ในระยะเวลาที่ไม่ห่างจากตัวนี้มาก จะปรากฏอาการมึน (หรือเรียกว่า เมายาดี) คำแนะนำคือ กินแล้วนอน จะไม่ค่อยพบปัญหาอะไรมาก ผมจึงเลือกกินเวลา 22.00 น.
ผลการตรวจเลือดส่วนใหญ่ของผมปกติ จะมีคลอเรสเตอรอลรวม สูงกว่าปกติเล็กน้อย ไตรกลีเซอไรด์ สูงกว่าปกติเล็กน้อย คลอเลสเตอรอลชนิดเลวหรือที่เรียกว่า LDL สูงกว่าปกติเล็กน้อย ในขณะที่คลอเรสเตอรอลชนิดดีที่เรียกว่า HDL ได้ 52 จากค่าที่ควรได้ไม่ต่ำกว่า 40
แต่เมื่อมาผสมกับผลการตรวจตับ ที่อักเสบตลอด จากที่ตรวจอีก 3 ครั้งถัดมา โดยที่ผมไม่ได้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี หรือเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ทำให้ผมสังหรณ์ใจว่า ผมอาจจะมีอาการไขมันพอกที่ตับ
ซึ่งอาการไขมันพอกที่ตับ อาจจะทำให้เกิดมะเร็งตับได้ภายใน 9 - 10 ปี
จากการค้นคว้าของผม มะเร็งตับรักษายาก แต่ป้องกันง่ายกว่า สิ่งสำคัญคือ ผมจำเป็นต้องลดความอ้วน จะช่วยลดคลอเรสเตอรอล และภาวะไขมันพอกที่ตับ ซึ่งผมยอมรับว่า ขณะที่เขียนบทความนี้ ผมยังไม่ได้เริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง แต่ก็เริ่มคุมอาหารที่กิน หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และไม่กินอาหารมื้อเย็นดึกจนเกินไป (ปกติผมจะกินข้าวมื้อเย็นช่วง 21.00 - 22.00 น.)
ผมดูเวลาขณะที่ผมเขียนอยู่นี้เกือบ 24.00 น. แล้ว ขอตัวนอนก่อนนะครับ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น