ห่างหายไปนานกับการอัปเดท blog แห่งนี้ เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงอาชีพใหม่ ย้ายที่อยู่ ฯลฯ อีกสารพัดเรื่องทำให้ผมไม่มีเวลาเหมือนเมื่อก่อน ทั้งเรื่องต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ พบปะผู้คนใหม่ๆ อยากจะบอกว่า สุขภาพผมดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน ได้ออกกำลังกายมากขึ้น พักผ่อนมากขึ้น อ้อ ต้องบอกด้วยสิ หลังจากกินยาต้านไวรัสมากว่า 1 ปี ตอนนี้ภูมิคุ้มกันผมเพิ่มสูงขึ้น ปริมาณเชื้อไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือดต่ำกว่าน้ำยาที่ใช้ตรวจจะตรวจนับจำนวนได้ (<20 ซึ่งหมายความว่า ลดโอกาสแพร่เชื้อเอชไอวีให้กับผู้อื่น แต่ไม่ได้หายจากการติดเชื้อเอชไอวี) อาการตับอักเสบหรือไขมันที่เคยสูงลดลงจนเป็นปกติแล้ว ประกอบกับช่วงนี้ไม่มีข่าวเกี่ยวกับการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟัง ทำให้ผมไม่ได้เข้ามาอัปเดทข่าวคราว
การพบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีทำให้ผมพบความจริงหลายอย่างที่อาจจะไม่ทราบได้เลย หากไม่ได้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยตัวเอง วันนี้คงจะเล่าแค่บางเรื่องก่อนเท่าที่จะพอมีเวลาเล่าได้
การยอมรับความจริงว่าตัวเองเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีคนหนึ่ง จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ก้าวผ่านจุดที่เสียใจ หลังจากที่รับรู้ความจริงว่าติดเชื้อเอชไอวีได้ ผมทราบดีว่า เมื่อตอนที่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีหลายคนรู้สึกอย่างไร ตัวผมเองขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อทราบว่า ติดเชื้อเอขไอวี ความรู้สึกเสียใจ สิ้นหวังประดังประเดเข้ามาในสมอง เพราะคิดว่าตัวเองจะต้องตายแน่ๆ โดยลืมนึกถึงความจริงข้อหนึ่งไปว่า คนทุกคนต้องตายไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม แต่การไม่ติดเชื้อเอชไอวีและยัีงอยู่ในวัยที่มีร่างกายแข็งแรง ทำให้ลืมนึกถึงความจริงข้อนี้
ผมเองก่อนหน้าที่จะทราบว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีก็ไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างคำว่า "คนเป็นเอดส์" กับ "ผู้ติดเชื้อเอชไอวี" สองคำนี้ต่างกันอย่างไร เหมือนกับคนส่วนใหญ่ และการที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบความแตกต่างนี่เองที่ทำให้อัตราการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เพิ่มขึ้น
"คนเป็นเอดส์" หรือ คนเป็นโรคเอดส์ จริงๆ แล้วคือ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ป่วยด้วยกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่ืงการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นหากไม่ทำการรักษาหรือรักษาไม่ทันอาจทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้ การเข้าสู่กระบวนการรักษาเอชไอวีทำให้ผมได้พบคนที่เสียชีวิตจากโรคเอดส์ คนที่ตาบอดจากการติดเชื้อ CMV ที่ตาเนื่องจากรักษาไม่ทัน คนที่เจ็บป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะเชื้อโรคเข้าไปทำลายสมองทำให้ร่างกายขยับได้ซีกเดียว ขับถ่ายโดยไม่รู้ตัว (เป็นฝีในสมอง) ฯลฯ จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ แพทย์สามารถรักษา "โรคเอดส์" ให้หายได้ ไม่เสียชีวิตหรือพิการ หากผู้ป่วยเข้าทำการรักษาอย่างทันท่วงที เหมือนกับหลายๆ โพสต์ที่ผมเคยเล่าไว้
คนส่วนใหญ่มัวแต่ "เฝ้าระวัง" คนเป็นเอดส์นี่เอง ที่ทำให้อัตราการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มสูงขึ้น โดยไม่ทราบว่า การติดเชื้อเอชไอวีหรือการแพร่เชื้อเอชไอวีเกิดจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีทั้งจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รู้ตัวและผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ไม่รู้ตัว
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี คือ คนที่ได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายและติดเชื้อในเม็ดเลือดขาว สามารถเผยแพร่เชื้อเอชไอวีให้กับผู้อื่นได้ ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่จำเป็นต้องป่วยด้วยโรคเอดส์จึงจะแพร่เชื้อได้ บางคนอาจจะเจ็บป่วยหลังจากรับเชื้อเพียง 2 - 3 ปี หลายคนกว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคเอดส์กินเวลาการติดเชื้อไปมากกว่า 7 - 10 ปี หรือบางคนติดเชื้อ 10 - 20 ปียังไม่เคยป่วยด้วยโรคเอดส์เลยก็เป็นได้ หรืออย่างบางคนที่ผมทราบมาติดเชื้อมา 25 - 30 ปี ยังไม่ป่วยด้วยโรคเอดส์เลยก็มี เพราะมียีนส์พิเศษสามารถควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกายให้อยู่ในปริมาณที่ต่ำ ทำให้เชื้อไวรัสเอชไอวีไม่สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ต่ำลง คนกลุ่มนี้จึงไม่ป่วยด้วยโรคเอดส์ แม้จะติดเชื้อเอชไอวีมานาน
คนในสังคมไทยยังขาดความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับโรคนี้อีกมาก ในปัจจุบันรายการโทรทัศน์บางรายการก็มีส่วนทำให้สังคมเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคนี้ อย่างประเด็นที่ว่า ผู้ติดเชื้อเมื่อได้รับยาต้านไวรัสแล้วมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นโดยไม่ป้องกันเป็นการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ความจริงแล้วตรงกันข้าม ผู้ติดเชื้อรายนั้นต่างหากที่มีโอกาสติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทั้งเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา (หากผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยติดเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา) รวมทั้งโรคเพศสัมพันธ์อื่นๆ
หรืออย่างบางกรณีที่ถกเถียงกันว่า การรับยาต้านไวรัสเร็วหรือช้าดี ทั้งๆ ที่มีงานวิจัยออกมาแล้วว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รับยาต้านไวรัสแล้ว ลดโอกาสแพร่เชื้อเอชไอวีให้กับคู่นอน ก็ยังมามัวถกเถียงกันประเด็นที่ว่ากินเร็วทำให้ดื้อยาเร็วหรือทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ แ่ต่ไม่ได้มองในแง่ที่ว่าช่วยลดอัตราการเพิ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทย (เป็นประเด็นหนึ่งที่ผมตั้งใจจะเขียนถึงในอนาคต) นอกเหนือจากประเด็นที่ว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่ตั้งใจแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นโดยสมัครใจ
วันนี้เล่าสู่กันฟังเท่านี้ก่อนดีกว่า อยากแนะนำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่ หากได้เข้าสู่ blog ของผม ลองคลิกเข้าไปชมรายการโทรทัศน์ที่ผมได้นำมาเผยแพร่ด้านล่าง คลิปวิดีโอที่น่าสนใจ เพื่อความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการติดเชื้อเอชไอวีในปัจจุบัน แม้จะเป็นรายการเมื่อ 2 - 3 ปีที่แล้ว แต่ผมเชื่อว่า หลายคนยังไม่มีโอกาสได้ชม